วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556


ประเพณีผีนางด้ง ประเพณีภาคอีสาน




ลักษณะความเชื่อ

ชาวนครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม วิถีชีวิตต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ หากปีใดฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเกษตรกรก็จะได้รับความเดือดร้อนลำบาก จึงจำเป็นต้องพึ่งพาอ้อนวอนร้องขอต่อเทพยดาสิ่งที่ตนเคารพ เชื่อถือ เรียกว่าทำพิธีขอฝน หากปีใดฝนแล้ง ชาวบ้านจะมาปรึกษากันว่าควรประกอบพิธีขอฝนด้วยวิธีใด เช่น การแห่นางแมว การเล่นนางด้งการเล่นนางข้อง การเล่นนางควาย หรือการเล่นนางสุ่ม เป็นต้น

ความสำคัญ
การเล่นนางด้ง เป็นพิธีการขอฝนพิธีหนึ่งของชาวนครไทย ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนทุกวันนี้
พิธีกรรม
๑. เมื่อชาวบ้านตกลงกันว่าจะทำพิธีขอฝนด้วยการเล่นนางด้งแล้วจะแบ่งหน้าที่กันดังนี้
กลุ่มที่ ๑ จัดหาอุปกรณ์ในการเล่นนางด้ง คือ กระด้งฝัดข้าว ๑ ใบ พร้อมอุปกรณ์ในการเชิญผีนางด้ง มีหมาก พลู ดอกไม้ ธูป เทียน น้ำ แป้งหอม
กลุ่มที่ ๒ จัดเตรียมด้านสถานที่ที่จะทำพิธีขอฝน
กลุ่มที่ ๓ ไปแจ้งให้ชาวบ้านทุก ๆ หมู่บ้านทราบโดยทั่วถึงกัน และให้มาร่วมพิธี
๒. ครั้นถึงกำหนดวันประกอบพิธีกรรม เจ้าพิธีหรือคนทรง ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่เคยทำพิธีมาก่อน (แต่ละหมู่บ้านจะมีเจ้าพิธีหรือคนทรงเพียงคนเดียวหรือสองคนเท่านั้น) จะเริ่มพิธีเชิญขวัญและร้องขวัญอัญเชิญเทวดาดังนี้เทวดาองค์ใดศักดิ์สิทธิ์ ให้เนรมิตรลงมาขอเชิญน้องข้า เจ้าคนทรงเอยเข้าตัวน้องข้า 
เจ้าคนทรงเอย
๓. หลังจากอัญเชิญเทวดาแล้ว ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีขอฝนจะช่วยกันร้องเพลงนางด้ง เพื่อให้ผีนางด้งมาเข้าสิงที่กระด้ง ซึ่งเจ้าพิธีหรือคนทรงเป็นคนจับกระด้ง เมื่อนางด้งเข้าสิงในร่างคนทรงแล้ว กระด้งจะสั่นและพากระด้งร่อนไปเรื่อย ๆ บางทีจะมีการเสี่ยงทาย โดยมีผู้นำภาชนะตักน้ำไปซ่อนไว้ไม่ไกลจากบริเวณประกอบพิธี ถ้านางด้งที่เข้าคนทรงหาภาชนะตักน้ำที่ซ่อนนั้นพบ เชื่อกันว่าปีนั้นฝนจะตกต้องตามฤดูกาลหรือบริบูรณ์ดี บางทีก็เสี่ยงทายว่า ถ้าฝนฟ้าจะตกต้องตามฤดูกาล ขอให้นางด้งฝัดข้าว ซึ่งถ้า
คนทรงออกมารำฝัดข้าวอย่างสวยงาม แสดงว่าปีนั้นฝนจะดีด้วย






อ้างอิง ประเพณีผีนางด้ง




ตลาดน้ำขวัญเรียม



โดยตลาดน้ำขวัญเรียมแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดที่อยากจะจำลองชีวิตของชาวน้ำ เพื่อให้เป็นที่ระลึกแก่คนรุ่นหลัง ให้ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตริมน้ำ ทั้งภาพพระที่ออกบิณฑบาตรทางเรือ การทอดผ้าป่าทางน้ำ โดยเฉพาะความเป็นมาอันยาวนานของคลองแสนแสบ ที่อยู่คู่กรุงเทพมหานครมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนิยายรักอมตะเรื่อง แผลเก่า ที่มีตัวเอกคือ ขวัญ กับ เรียม โศกนาฏกรรมของความรักที่ทุกคนจดจำได้ดี
 ตลาดน้ำขวัญเรียม ตั้งอยู่ระหว่างซอยเสรีไทย 60 และ ซอยรามคำแหง 187 หรือที่รู้จักกันดีว่า วัดบำเพ็ญเหนือ และ วัดบางเพ็งใต้ ถึงแม้ว่าสองฝั่งคลองจะเป็นถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ตลาดน้ำแห่งนี้ก็ยังคงมีความสงบในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เลือกทำมากมาย ทั้งการย้อนอดีตชมวิถีชีวิตริมคลองแสนแสบ เลือกชิมอาหารอร่อยจากทั่วทุกภาค เลือกซื้อสินค้า OTOP ติดไม้ติดมือกลับบ้าน ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมแบบไทย ๆ และเรือโบราณมากมาย ที่คนรุ่นก่อนพร้อมใจกันมาแสดงให้ลูกหลานดูอย่างเต็มใจ





นอกจากนี้ จุดเด่นของตลาดน้ำขวัญเรียม ก็คือ สะพานเรือที่เชื่อมระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและวัดบางเพ็งใต้ ซึ่งเป็นตลาดน้ำแห่งแรกที่มีสะพานเรือเชื่อมต่อวัฒนธรรมให้อยู่ร่วมกัน รวมทั้งยังเปิดให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตทางน้ำ ด้วยการตักบาตรพระทางน้ำ ในวันเสาร์-อาทิตย์ และมีการสวดมนต์เพื่อเป็นศิริมงคลแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย 
สถานที่ตั้ง : ริมคลองแสนแสบ ระหว่างซอยเสรีไทย 60 และ ซอยรามคำแหง 187 บริเวณวัดบำเพ็ญเหนือ และ วัดบางเพ็งใต้ 














โทรศัพท์ Samsung Galaxy Note 3

ในที่สุดทาง Samsung ก็ได้ทำการเปิดตัว สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Note 3 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายในงาน IFA 2013 ที่จัดขึ้น ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศ เยอรมนี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ รวมถึงสเปคตัวเครื่อง ล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กว่ารุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้ทำการรวบรวมเอาข้อมูลของ Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งเป็นข้อมูลอย่างเป็นทางการ 

สเปคในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy Note 3 (Galaxy Note III)

- ขนาดของตัวเครื่อง 151.2x79.2x8.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่อง 168 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1080x1920 พิกเซล (386 ppi) แบบ Super AMOLED
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 ความเร็ว 2.3 GHz แบบ Quad-Core หรือ Exynos 5 Octa 5420 ความเร็ว 1.8 GHz แบบ Octa-Core
- หน่วยความจำ (RAM) 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บข้อมูลขนาด 32GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 64 GB
- กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
- รองรับการถ่ายวีดีโอ ที่ความละเอียดสูงสุดในระดับ UHD (4K) ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0, USB 2.0, NFC
- มีระบบ GPS และ A-GPS ในตัว
- แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Compass, Thermometer, Barometer, Humidity
- เซ็นเซอร์ Light sensor, Proximity sensor
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean

สำหรับกล้องดิจิตอลบน Samsung Galaxy Note 3 นั้น มีความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล และ มาพร้อมไฟแฟลชแบบ LED ซึ่งกล้องดิจิตอลในรุ่นดังกล่าวนั้นได้มีการปรับปรุงให้สามารถถ่ายภาพ ในสถาวะแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมถึง ด้วยชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง บน Samsung Galaxy Note 3 ยังช่วยให้สามารถบันทึกวีดีโอ ด้วยความละเอียดสูงในระดับ 4K หรือ UHD (3840 x 2160) ได้อีกด้วย

Samsung Galaxy Gear อุปกรณ์เสริม ที่ลงตัว สำหรับ Samsung Galaxy Note 3

สำหรับ Samsung Galaxy Gear นั้นเป็น Smartwatch ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Samsung Galaxy Note 3 ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนสมาร์ทโฟน ก็จะไปโชว์บน Samsung Galaxy Gear ด้วย นอกจากนี้ Samsung Galaxy Gear ยังมาพร้อมกับกล้องดิจิตอลในตัวซึ่งถือว่าเป็น อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริม ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว














ดอกเทียนนกแก้ว ดอกไม้หายาก


เป็นดอกไม้ที่แปลกตามาก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นของไทย หาไม่ได้จากที่ใด ๆ ในโลก จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับวงศ์เทียน มีรูปทรงของดอกที่สวยงามเหมือนนกแก้วที่โดนแมวกัดไปครึ่งตัว เราเรียกชื่อตามลักษณะรูปทรงว่า ดอกเทียนนกแก้ว จัดอยู่ในกลุ่มพืชล้มลุกและเป็นพรรณไม้เมืองหนาเป็นพันธุ์ไม้หายากชนิดหนึ่ง พบขึ้นตามใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในป่าดิบเขาหรือบริเวณโขดหินปูนที่อยู่สูง จากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500-1,800 เมตร และพบได้เพียงที่เดียวคือที่ดอยหลวงเชียงดาว ดอกจะบานราวเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน คนทั่วไปจึงไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะอยู่บนภูเขาสูง และดอกเทียนนกแก้วมักขึ้นในพื้นที่ที่เป็นโขดหิน ใกล้ ๆกับต้นหานช้างร้องที่เป็นพิษ




เทียนนกแก้ว เป็นพืชหายาก สวยงาม ค่อนข้างหายากสำหรับบ้านเราพบได้ทางเหนือ อาทิ ดอยเชียงดาว ไม่ควรนำมาเพาะปลูกเอง เนื่องจากเป็นดอกไม้ป่าที่จะหาเมล็ดปลูกได้ยากมาก
การพบเจอนั้นค่อนข้างลำบาก พบเทียนนกแก้วได้ที่ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีลักษณะเป็นเทือกเขา ซึ่งเทือกเขาเหล่านี้ประกอบไปด้วยยอดเขาสูงหลายยอด ยอดเขาที่สูงที่สุดเรียกว่าดอยหลวงเชียงดาว มีความสูงจากระดับน้ำทะเ 2,220 เมตรครอบคลุมพื้นที่ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง ตำบลเมืองงาย ตำบลเมืองคลง ตำบลเชียงดาวและตำบลแม่น จังหวัดเชียงใหม่การเดินทางไปดูดอกเทียนนกแก้วนั้นจะต้องเดินไปตามป่า ขึ้นไปยังยอดดอย ซึ่งเป็นเป็นเทือกเขาหินปูน มีแนวทอดยาวรวมทั้งพืชพันธ์ดอกไม้ประเภทกึ่งอัลไพน์ เป็นพืชเฉพาะถิ่น หายากมีอยู่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคมดอกไม้ชนิดแรกที่จะเจอคือเทียนนกแก้วที่มีให้เห็นเฉพาะช่วงที่มีฝนหรือมีความชื้นสูงเท่านั้น 














แกงโฮะ















คำว่า “ โฮะ ” แปลว่า รวม 
แกงโฮะ ก็คือการนำเอาอาหารหลาย ๆ อย่าง มารวมกัน เช่นเดียวกับ “ จับฉ่าย ” ของจีนในสมัยก่อน แกงโฮะ มักจะทำจากอาหารที่เหลือ หลายๆ อย่างนำมารวมกัน โดยมีการ ปรุงรส แต่งกลิ่น ใหม่อีกครั้ง แต่ในปัจจุบัน นิยมใช้ของสดปรุงขึ้นมา หรือ นำเอาอาหารใหม่มาทำก็ได้
นื่องจากในเทศกาลสำคัญทางศาสนา เช่น เข้าพรรษา ออกพรรษา สงกรานต์ จะมีชาวบ้านนำอาหารมาถวายพระ เป็นจำนวนมาก
พระ และเณร จึงฉันไม่หมด ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีตู้เย็น ครั้นจะปล่อยทิ้งไว้ก็อาจบูด เน่า เสียหาย เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง 
เพราะอาหารส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านนำมาถวาย ล้วนถือว่า เป็นอาหารอย่างดี เช่น ห่อนึ่ง หมูปิ้ง หมูทอด แกงอ่อม แกงฮังเล ลาบ แคบหมู และอาจมีแกงประเภทใส่กะทิบ้าง เป็นต้น 
ลูกวัดจึงนำเอาอาหารที่เหลือเหล่านี้มา ” โฮะ ” คือรวมกัน อาจมีการเติมน้ำ แล้วเทน้ำออก เพื่อล้างความบูดออกบ้าง จากนั้น ก็นำขึ้นตั้งไฟ หรือ ผัดในน้ำมัน เติมเกลือ น้ำปลา พริกสด หรือพริกขี้หนู ปรุงรสตามชอบ และอาจเติมบางอย่างลงไปเพิ่มอีก เช่น วุ้นเส้น หน่อไม้ และแต่งกลิ่น โดยใส่ใบมะกรูด ตะไคร้ บ้างก็เติม ผงกะหรี่ เพื่อให้กลบกลิ่นบูดหากเป็นการปรุงใหม่ คือเป็นการตั้งใจทำแกงโฮะขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ มิได้นำของเหลือใดๆ มาทำ จะใช้เนื้อหมูติดมัน และผักต่าง ๆ เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ผักตำลึง หน่อไม้ดอง วุ้นเส้น มะเขือ ใบมะกรูด แกงโฮะที่เหลือบางส่วน จะถูกนำไปกรอกใส่ในกระบอกไม้ไผ่บ้าง น้ำต้น ( คนโฑ )บ้าง ปิดปากให้แน่น แล้วนำไปฝังดิน หรือเก็บไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย อาจเก็บไว้ได้นานหลายเดือน ยามขาดแคลนอาหาร สามารถนำเอามาอุ่นรับประทานได้ ถือเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณล้านนา ในการถนอมอาหาร ที่น่าทึ่งอีกเรื่องหนึ่ง











อ้างอิง แกงโฮะ